ในปัจจุบัน ศาสตร์การนวดผ่อนคลายได้พัฒนาและเกิดขึ้นใหม่มากมาย จนทำให้ผู้ที่ต้องการใช้บริการหลายคนเกิดความสับสนอยู่ไม่น้อย ว่าควรเลือกนวดแบบใดให้ตอบโจทย์ความผ่อนคลายของทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนวดสวีดิชและการนวดหินร้อนที่มีรายละเอียดและขั้นตอนการนวดที่คล้ายคลึงกัน จนทำให้คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า ควรเลือกนวดแบบไหนถึงจะเหมาะกับร่างกายของเราที่สุด
หากคุณเป็นอีกคนที่สงสัยเช่นเดียวกันนี้อยู่ ลองมาดูรายละเอียดแบบจุดต่อจุดระหว่างการนวดสวีดิช VS นวดประคบหินร้อนที่นำมาฝากในวันนี้กัน
ก่อนที่จะไปดูถึงความแตกต่างและข้อเปรียบเทียบระหว่างการนวดสวีดิช VS นวดประคบหินร้อน ทุกคนจำเป็นที่จะต้องเข้าใจรายละเอียดของการนวดทั้งสองรูปแบบกันก่อน โดยในส่วนนี้จะขอเริ่มจากการนวดสวีดิช
การนวดสวีดิช (Swedish Massage) คือ ศาสตร์การนวดขั้นพื้นฐานตามแบบฉบับของชาวยุโรป หรือที่ใครหลายคนอาจรู้จักในชื่อของ Classic Massage โดยการนวดสวีดิชจะมุ่งเน้นไปที่การผ่อนคลายและลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อเป็นหลัก ดังนั้น เทคนิคการนวดส่วนใหญ่จึงจะไม่มีการบีบเค้นอย่างหนักหน่วงเหมือนการนวดแผนไทย แต่จะเน้นไปที่ 5 เทคนิคหลัก ซึ่งจะประกอบไปด้วย
การนวดสวีดิช ไม่เพียงแต่จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตั้งแต่ชั้นบนไปจนถึงชั้นลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตที่นอกจากจะทำให้ผิวพรรณผ่องใสแล้ว ยังถือเป็นการเสริมการทำงานของระบบกำจัดของเสียและระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี การนวดสวีดิชเป็นเทคนิคการผ่อนคลายที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคติดต่อ รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก ภาวะผิดปกติทางเลือด และโรคผิวหนังทั้งแบบติดเชื้อและไม่ติดเชื้อทุกชนิด เนื่องจากการนวดสวีดิชจะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทั้งยังมีแรงเค้นและกดจำนวนมากที่อาจทำให้เกิดความรุนแรงของโรคมากขึ้น จนเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
จบในส่วนของการนวดสวีดิชไปแล้ว ทีนี้ลองมาทำความเข้าใจถึงการนวดแบบประคบหินร้อน หรือ การนวดหินร้อนกันบ้าง
การนวดหินร้อน (Hot Stone Massage) คือ ศาสตร์การนวดที่จะนำหินร้อนมานวดกดจุดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแทนการใช้ฝ่ามือ โดยความร้อนจากหินจะกระจายเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อและผิวหนัง ทำให้ลดอาการปวด เกร็ง และความเมื่อยล้าที่บริเวณกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อุณหภูมิความร้อนของหินที่เหมาะสมยังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลาย ผิวหนังดูเปล่งปลั่ง อีกทั้งยังรู้สึกเบาตัวขึ้นหลังจากนวดเสร็จอีกด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการนวดหินร้อน เป็นธรรมดาที่ใครหลายคนคงสงสัยถึงประเภทและระดับความร้อนของหินที่นำมานวด แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว การนวดประคบหินร้อนมักจะนิยมใช้หินภูเขาไฟอย่างหินบะซอลต์มาทำการอบให้ได้อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
โดยหินภูเขาไฟจะเป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวา ซึ่งนอกจากจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวและระบบภายในร่างกายแล้ว ตัวหินยังมีน้ำหนักเบา เก็บความร้อนได้สูง อีกทั้งยังมีผิวที่เรียบลื่น เมื่อนำมาเจียระไนให้มีขนาดที่เหมาะสมกับการนวดกล้ามเนื้อแต่ละประเภทแล้วจะทำให้สามารถเข้าถึงการหดเกร็ง พังผืด และข้อต่อสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของหินภูเขาไฟที่ผสานเข้ากับการนวดโดยผู้เชี่ยวชาญนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมใครหลายคนถึงรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจหลังจากนวดหินร้อน
การนวดประคบหินร้อน ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ความร้อนของหินที่พอเหมาะยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและผิวหนังได้ เมื่อผสานเข้ากับแร่ธาตุจากหินภูเขาไฟด้วยแล้วก็จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งมากขึ้น อีกทั้งความอุ่นของหินที่กำลังพอดียังช่วยให้ร่างกายหลั่งเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การนวดหินร้อนเป็นการนวดเฉพาะทางที่ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในการกดจุดและควบคุมอุณหภูมิของหินที่เหมาะสม มิเช่นนั้นอาจทำให้ผิวหนังพุพองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวหนังบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ การนวดด้วยหินร้อนยังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิต ผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ เนื่องจากความร้อนจากหินสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ระดับน้ำตาล และฮอร์โมนบางชนิด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สำหรับใครที่อ่านมาถึงจุดนี้แล้วยังไม่แน่ใจว่า การนวดสวีดิชนั้นแตกต่างจากการนวดหินร้อนอย่างไร ลองมาดูสรุปตารางเทียบความแตกต่างระหว่างการนวดทั้ง 2 แบบ ดังนี้
ข้อเปรียบเทียบ | การนวดสวีดิช | การนวดหินร้อน |
เทคนิคการนวด | ผสมผสาน 5 เทคนิคการนวด | ใช้หินภูเขาไฟอบอุณหภูมิ 50 – 60 องศาเซลเซียสรวมกับเทคนิคการกดจุดนวด |
ประโยชน์จากการนวด | ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกชั้น กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต |
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อชั้นลึก กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ได้คุณประโยชน์จากแร่ธาตุในหินภูเขาไฟ |
ใครห้ามนวดบ้าง | ห้ามผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ภาวะความผิดปกติเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนเลือด และโรคติดต่อนวดโดยเด็ดขาด
ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตและภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน |
ห้ามนวดหินร้อนให้กับผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ภาวะความผิดปกติเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนเลือด โรคติดต่อ โรคความดันโลหิตและ ไทรอยด์
ผู้ที่มีผิวหนังบอบบาง ภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้บริการทุกครั้ง |
จะเห็นได้ว่า ทั้งการนวดสวีดิชและการนวดหินร้อนมาพร้อมกับประโยชน์ในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน แต่การนวดหินร้อนจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุมทั้งการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การสร้างสมดุลระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย อีกทั้งยังได้รับคุณประโยชน์จากแร่ธาตุในหินภูเขาไฟ ซึ่งนอกจากจะช่วยฟื้นบำรุงและขับของเสียจากผิวแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การนวดทั้งสองแบบก็มีข้อจำกัดทางร่างกายที่แตกต่างกันไป ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบสุขภาพร่างกายของตัวเอง พร้อมขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงก่อนรับบริการนวดทุกครั้ง
Let’s Relax Spa มาพร้อมกับบริการนวดหินร้อนและโปรแกรมการผ่อนคลายเฉพาะบุคคลที่ให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ หากยังตัดสินใจเลือกไม่ถูกว่าควรนวดแบบใดให้ตอบโจทย์กับความต้องการ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก Let’s Relax Spa เพื่อเลือกโปรแกรมการนวดที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ววันนี้กับทุกสาขาทั่วไทย หรือสามารถจองเวลานวดในสาขาที่ต้องการได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางดังนี้